น้ำมันรำข้าว
ทำไมต้องเลือกน้ำมันรำข้่าวสกัดเย็น
ก่อนอื่นต้องกล่าวถึงวิธีที่นำมาใช้สกัดน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน มีด้วยกัน 2 วิธีคือ การนำรำข้าวและจมูกข้าวสดมาสกัดเย็นและอีกวิธีคือการสกัดด้วยตัวทำละลายหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าสกัดร้อน
การสกัดร้อน
เป็นการสกัดโดยใช้ความร้อน และตัวทำละลายทีเป็นสารออแกนิคเช่น เฮกเซน หรือ แอลกอฮอล เพื่อสกัดน้ำมันที่และสารอาหารที่เป็นประโยชน์ออกจากรำข้าวและจมูกข้าวออกมาให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงนำไปสกัดเอาตัวทำละลายออก ให้เหลือเฮกเซนตกค้างอยู่ได้ไม่เกิน 30 ppm จึงจะได้มาตรฐานความปลอดภัยของอ.ย. หลังจากนั้นอาจเติมสารที่ให้คุณค่าบางอย่างเพิ่มเติมลงไป เนื่องจากสารบางตัวสลายไปเพราะความร้อนในขบวนการสกัด นอกจากนี้แล้วน้ำมันดิบที่ได้จะมีความเป็นกรด มีสีและสิ่งอื่นๆเจือปน เช่น ตะกอนสีดำ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงต้องนำไปผ่านกระบวนการต่างๆก่อนที่จะนำมาปริโภค คือ การลดกรดโดยใช้ด่าง การลดความเข้มของสี โดยใช้ดินฟอกสี การตกผลึกและแยกไขโดยใช้ความเย็นและการกรอง และนำมาำกำจัดกลิ่นโดยการกลั่นด้วยไอน้ำแรงดันสูง
ทั้งนี้ถ้าไม่จำเป็นเราไม่ควรรับสารออแกนิคให้ตกค้างอยู่ในร่างกายแม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายก็ตาม เพราะเฮกเซนเป็นอันตรายต่อระบบการหายใจ ถ้าได้รับมากเกินความจำเป็นอาจทำให้ผิวหนังบวมแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หากได้รับระยะยาวอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะการเจริญพันธุ์บกพร่องได้ ส่วนมากจะใช้เฮกเซนเป็นตัวทำละลายในการผสมสีหรือกาวที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ งานพ่นหรืองานทาสี งานกาวทารองเท้า การผลิตปิโตรเลียม เป็นต้น นอกจากนี้เฮกเซนยังเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยปกติแล้ววิธีการสกัดด้วยตัวทำละลายนี้จะให้ผลิตผลเป็นน้ำมันดิบประมาณ 20% โดยน้ำหนัก
การสกัดเย็น
เป็นการนำรำข้าวและจมูกข้าวสดที่สดใหม่ที่ได้จากการสีข้าว มาบีบที่อุณหภมิปกติด้วยเครื่องบีบน้ำมันโดยตรง โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆในขบวนการผลิตเลย ทำให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่ได้จะสดใหม่และคงคุณค่าทางโภชนาการครบ เพราะไม่ได้ใช้ความร้อนเหมือนการสกัดด้วยตัวทำละลาย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สารที่มีคุณค่าบางตัวสลายไป วิธีนี้จะค่อนข้างยากและได้น้ำมันดิบออกมาน้อยกว่าวิธีแรก ซึ่งให้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวแค่เพียง 2% โดยน้ำหนัก ทำให้ต้องใช้ปริมาณรำข้าวและจมูกข้าวมากกว่าวิธีแรกถึง 10 เท่าหรือมากกว่าในการสกัดเพื่อให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวในปริมาณที่เท่ากัน แต่จะได้มีความปลอดภัยมากกว่าเพราะไม่มีตัวทำละลายตกค้างและคงคุณค่าของสารอาหารจากธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งทางบริษัท aibiznet ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยและต้องการให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ คุ้มค่ามากที่สุดกับเงินที่เสียไป จึงเลือกใช้วิธีนี้ในการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวในรูปแบบแคปซูล ภายใต้ชื่อทางการค้า "Rice Bran and Germ Oil Capsules" หรือที่เรียกว่า "อมตะออไรซา"
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ของ AIBizNet
ได้รับการจดสิทธิบัตรกรรมวิธีในการผลิต และได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น องค์การอาหารและยาของไทย อเมริกา และ แคนาดา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อความมั่นใจของผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุดในราคาที่คนไทยยิ้มได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น