Translate

10.28.2556

rice bran oil

น้ำมันรำข้าว








ทำไมต้องเลือกน้ำมันรำข้่าวสกัดเย็น


ก่อนอื่นต้องกล่าวถึงวิธีที่นำมาใช้สกัดน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน มีด้วยกัน 2 วิธีคือ การนำรำข้าวและจมูกข้าวสดมาสกัดเย็นและอีกวิธีคือการสกัดด้วยตัวทำละลายหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าสกัดร้อน

การสกัดร้อน 
เป็นการสกัดโดยใช้ความร้อน และตัวทำละลายทีเป็นสารออแกนิคเช่น เฮกเซน หรือ แอลกอฮอล เพื่อสกัดน้ำมันที่และสารอาหารที่เป็นประโยชน์ออกจากรำข้าวและจมูกข้าวออกมาให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงนำไปสกัดเอาตัวทำละลายออก ให้เหลือเฮกเซนตกค้างอยู่ได้ไม่เกิน 30 ppm จึงจะได้มาตรฐานความปลอดภัยของอ.ย.  หลังจากนั้นอาจเติมสารที่ให้คุณค่าบางอย่างเพิ่มเติมลงไป เนื่องจากสารบางตัวสลายไปเพราะความร้อนในขบวนการสกัด  นอกจากนี้แล้วน้ำมันดิบที่ได้จะมีความเป็นกรด มีสีและสิ่งอื่นๆเจือปน เช่น ตะกอนสีดำ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงต้องนำไปผ่านกระบวนการต่างๆก่อนที่จะนำมาปริโภค คือ การลดกรดโดยใช้ด่าง   การลดความเข้มของสี โดยใช้ดินฟอกสี  การตกผลึกและแยกไขโดยใช้ความเย็นและการกรอง  และนำมาำกำจัดกลิ่นโดยการกลั่นด้วยไอน้ำแรงดันสูง

ทั้งนี้ถ้าไม่จำเป็นเราไม่ควรรับสารออแกนิคให้ตกค้างอยู่ในร่างกายแม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายก็ตาม  เพราะเฮกเซนเป็นอันตรายต่อระบบการหายใจ ถ้าได้รับมากเกินความจำเป็นอาจทำให้ผิวหนังบวมแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน  หากได้รับระยะยาวอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะการเจริญพันธุ์บกพร่องได้  ส่วนมากจะใช้เฮกเซนเป็นตัวทำละลายในการผสมสีหรือกาวที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ งานพ่นหรืองานทาสี   งานกาวทารองเท้า การผลิตปิโตรเลียม เป็นต้น  นอกจากนี้เฮกเซนยังเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย  โดยปกติแล้ววิธีการสกัดด้วยตัวทำละลายนี้จะให้ผลิตผลเป็นน้ำมันดิบประมาณ 20% โดยน้ำหนัก


การสกัดเย็น
เป็นการนำรำข้าวและจมูกข้าวสดที่สดใหม่ที่ได้จากการสีข้าว มาบีบที่อุณหภมิปกติด้วยเครื่องบีบน้ำมันโดยตรง โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆในขบวนการผลิตเลย    ทำให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่ได้จะสดใหม่และคงคุณค่าทางโภชนาการครบ เพราะไม่ได้ใช้ความร้อนเหมือนการสกัดด้วยตัวทำละลาย  ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สารที่มีคุณค่าบางตัวสลายไป วิธีนี้จะค่อนข้างยากและได้น้ำมันดิบออกมาน้อยกว่าวิธีแรก  ซึ่งให้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวแค่เพียง 2% โดยน้ำหนัก  ทำให้ต้องใช้ปริมาณรำข้าวและจมูกข้าวมากกว่าวิธีแรกถึง 10 เท่าหรือมากกว่าในการสกัดเพื่อให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวในปริมาณที่เท่ากัน  แต่จะได้มีความปลอดภัยมากกว่าเพราะไม่มีตัวทำละลายตกค้างและคงคุณค่าของสารอาหารจากธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน  ซึ่งทางบริษัท aibiznet ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยและต้องการให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ คุ้มค่ามากที่สุดกับเงินที่เสียไป  จึงเลือกใช้วิธีนี้ในการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวในรูปแบบแคปซูล ภายใต้ชื่อทางการค้า "Rice Bran and Germ Oil Capsules" หรือที่เรียกว่า "อมตะออไรซา"






น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ของ AIBizNet 

ได้รับการจดสิทธิบัตรกรรมวิธีในการผลิต และได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น องค์การอาหารและยาของไทย อเมริกา และ แคนาดา  สถาบันมะเร็งแห่งชาติ  และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อความมั่นใจของผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุดในราคาที่คนไทยยิ้มได้


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น